ความเป็นพลเมือง : หลักดินแดน
หลักที่ว่าความเป็นพลเมืองของบุคคลได้มาจากสถานที่เกิด หลักดินแดนเป็นหนึ่งในสองหลักทางกฎหมายที่รัฐต่าง ๆ นำมาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการกำหนดความเป็นพลเมืองบุคคลโดยการเกิด อีกหลักหนึ่ง ก็คือ หลักสายโลหิต
ความสำคัญ หลักดินแดน คือ หลักของความเป็นพลเมืองที่มีการนำมาใช้ปฏิบัติโดยประเทศที่ประชาชนพูดภาษาอังกฤษ และประเทศในแถบละตินอเมริกาส่วนใหญ่ ยกตัวอย่าง เช่น ทารกที่เกิดภายในเขตอำนาจทางกฎหมายของสหรัฐอเมริกา ก็จะเป็นพลเมืองของสหรัฐฯ แม้ว่าบิดามารดาของทารกนั้นจะไม่มีสิทธิ์ได้ความเป็นพลเมืองของสหรัฐฯ ก็ตาม มีข้อยกเว้นเฉพาะทารกที่เกิดจากนักการทูตต่างประเทศ ที่เข้าไปทำงานอยู่ในประเทศที่ปฏิบัติตามหลักดินแดนนี้เท่านั้น
Thursday, October 8, 2009
Citizenship : nationality
ความเป็นพลเมือง : สัญชาติ
สัมพันธภาพทางกฎหมายระหว่างบุคคลกับรัฐ ที่จะทำให้บุคคลสามารถร้องขอความคุ้มครองจากรัฐได้ และรัฐเองก็กำหนดให้บุคคลผู้นั้นต้องมีความจงรักภักดีและมีพันธกรณีบางอย่างต้องทำด้วย สัญชาติสามารถได้มาโดยการเกิดหรือโดยการแปลงสัญชาติ ซึ่งกฎเกณฑ์ของแต่ละวิธีจะแตกต่างในแต่ละประเทศ หลักการที่ว่าบุคคลสามารถถูกถอดถอนสัญชาติได้นี้ ได้เป็นที่ยอมรับกันในระบบรัฐในปัจจุบัน ส่วนวิธีถอดถอนสัญชาติที่รัฐต่าง ๆ ให้การรับรอง ได้แก่ (1) การสละสัญชาติ (ดีเนชั่นนอลไลเซชั่น) (2) การสละการแปลงสัญชาติ (ดีเนจอรัลไลเซชั่น) (3) การถอดถอนสัญชาติ (เอ็กแพตริเอชั่น) และ (4) การบอกเลิกสัญชาติ (รีนันซิเอชั่น)
ความสำคัญ สัญชาติบ่งบอกถึงการเป็นสมาชิกในรัฐ การขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องสัญชาติของบุคคลสามารถเกิดขึ้นได้ ระหว่างรัฐที่ยึดหลักสายโลหิตกับรัฐที่ยึดหลักดินแดน ในทำนองเดียวกัน การขัดแย้งก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อคนที่เกิดในรัฐที่ยึดหลักว่าความจงรักภักดีที่ให้ต่อรัฐแล้วต้องให้เลยจะเรียกคืนไม่ได้นี้ได้ไปเป็นบุคคลที่แปลงสัญชาติของอีกรัฐหนึ่ง ด้วยเหตุที่บุคคลมีการเดินทางไปมาระหว่างรัฐต่าง ๆ มีจำนวนมากขึ้น ความขัดแย้งเกี่ยวกับปัญหาเรื่องสัญชาตินี้ก็จึงมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่าง ๆ ดังนั้นก็จึงมีความพยายามอย่างยืดยื้อและต่อเนื่องที่จะทำประมวลกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยเรื่องนี้อยู่ต่อไป
สัมพันธภาพทางกฎหมายระหว่างบุคคลกับรัฐ ที่จะทำให้บุคคลสามารถร้องขอความคุ้มครองจากรัฐได้ และรัฐเองก็กำหนดให้บุคคลผู้นั้นต้องมีความจงรักภักดีและมีพันธกรณีบางอย่างต้องทำด้วย สัญชาติสามารถได้มาโดยการเกิดหรือโดยการแปลงสัญชาติ ซึ่งกฎเกณฑ์ของแต่ละวิธีจะแตกต่างในแต่ละประเทศ หลักการที่ว่าบุคคลสามารถถูกถอดถอนสัญชาติได้นี้ ได้เป็นที่ยอมรับกันในระบบรัฐในปัจจุบัน ส่วนวิธีถอดถอนสัญชาติที่รัฐต่าง ๆ ให้การรับรอง ได้แก่ (1) การสละสัญชาติ (ดีเนชั่นนอลไลเซชั่น) (2) การสละการแปลงสัญชาติ (ดีเนจอรัลไลเซชั่น) (3) การถอดถอนสัญชาติ (เอ็กแพตริเอชั่น) และ (4) การบอกเลิกสัญชาติ (รีนันซิเอชั่น)
ความสำคัญ สัญชาติบ่งบอกถึงการเป็นสมาชิกในรัฐ การขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องสัญชาติของบุคคลสามารถเกิดขึ้นได้ ระหว่างรัฐที่ยึดหลักสายโลหิตกับรัฐที่ยึดหลักดินแดน ในทำนองเดียวกัน การขัดแย้งก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อคนที่เกิดในรัฐที่ยึดหลักว่าความจงรักภักดีที่ให้ต่อรัฐแล้วต้องให้เลยจะเรียกคืนไม่ได้นี้ได้ไปเป็นบุคคลที่แปลงสัญชาติของอีกรัฐหนึ่ง ด้วยเหตุที่บุคคลมีการเดินทางไปมาระหว่างรัฐต่าง ๆ มีจำนวนมากขึ้น ความขัดแย้งเกี่ยวกับปัญหาเรื่องสัญชาตินี้ก็จึงมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่าง ๆ ดังนั้นก็จึงมีความพยายามอย่างยืดยื้อและต่อเนื่องที่จะทำประมวลกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยเรื่องนี้อยู่ต่อไป
Citizenship : Naturalization
ความเป็นพลเมือง : การแปลงสัญชาติ
กระบวนการทางกฎหมายที่จะทำให้บุคคลเปลี่ยนแปลงความเป็นพลเมืองจากประเทศหนึ่งมาเป็นของอีกประเทศหนึ่ง รายละเอียดต่างๆในเรื่องนี้จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ แต่โดยปกตินั้นจะรวมถึงเรื่องการบอกเลิกความจงรักภักดีต่อรัฐเดิมอย่างเป็นทางการ แล้วมากล่าวคำให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อรัฐใหม่
ความสำคัญ การแปลงสัญชาติ เป็นวิธีการเดียวเท่านั้นที่จะทำให้บุคคลที่ไม่สามารถอ้างความเป็นพลเมืองของตนในรัฐใดรัฐหนึ่งโดยสิทธิจากการเกิด (หลักสายโลหิตและหลักดินแดน) สามารถได้ความเป็นพลเมืองในรัฐนั้นได้ พวกคนเข้าเมืองจากประเทศอื่นจะทำการแปลงสัญชาติโดยกระทำเป็นรายบุคคล ส่วนการแปลงสัญชาติเป็นหมู่คณะนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็โดยสนธิสัญญาหรือการออกกฎหมายให้ความเป็นพลเมืองแก่คนของดินแดนที่ได้มาใหม่ ยกตัวอย่าง เช่น สหรัฐอเมริกาให้ความเป็นพลเมืองแก่ประชาชนใน อลาสกา ฟลอริดา ฮาวาย หลุยซ์เซียนา และเท็กซัส ไม่ว่าจะเป็นการแปลงสัญชาติแบบรายบุคคลหรือการแปลงสัญชาติแบบหมู่คณะ บุคคลไม่สามารถอ้างสิทธิ์ การแปลงสัญชาตินี้เป็นเอกสิทธิ์ของรัฐผู้ให้สิทธิ์นั้นโดยเฉพาะ ซึ่งหากไม่มีข้อผูกพันทางสนธิสัญญากำหนดไว้เป็นการเฉพาะแล้ว รัฐมีอิสระที่จะกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ เกี่ยวกับการแปลงสัญชาติได้
กระบวนการทางกฎหมายที่จะทำให้บุคคลเปลี่ยนแปลงความเป็นพลเมืองจากประเทศหนึ่งมาเป็นของอีกประเทศหนึ่ง รายละเอียดต่างๆในเรื่องนี้จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ แต่โดยปกตินั้นจะรวมถึงเรื่องการบอกเลิกความจงรักภักดีต่อรัฐเดิมอย่างเป็นทางการ แล้วมากล่าวคำให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อรัฐใหม่
ความสำคัญ การแปลงสัญชาติ เป็นวิธีการเดียวเท่านั้นที่จะทำให้บุคคลที่ไม่สามารถอ้างความเป็นพลเมืองของตนในรัฐใดรัฐหนึ่งโดยสิทธิจากการเกิด (หลักสายโลหิตและหลักดินแดน) สามารถได้ความเป็นพลเมืองในรัฐนั้นได้ พวกคนเข้าเมืองจากประเทศอื่นจะทำการแปลงสัญชาติโดยกระทำเป็นรายบุคคล ส่วนการแปลงสัญชาติเป็นหมู่คณะนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็โดยสนธิสัญญาหรือการออกกฎหมายให้ความเป็นพลเมืองแก่คนของดินแดนที่ได้มาใหม่ ยกตัวอย่าง เช่น สหรัฐอเมริกาให้ความเป็นพลเมืองแก่ประชาชนใน อลาสกา ฟลอริดา ฮาวาย หลุยซ์เซียนา และเท็กซัส ไม่ว่าจะเป็นการแปลงสัญชาติแบบรายบุคคลหรือการแปลงสัญชาติแบบหมู่คณะ บุคคลไม่สามารถอ้างสิทธิ์ การแปลงสัญชาตินี้เป็นเอกสิทธิ์ของรัฐผู้ให้สิทธิ์นั้นโดยเฉพาะ ซึ่งหากไม่มีข้อผูกพันทางสนธิสัญญากำหนดไว้เป็นการเฉพาะแล้ว รัฐมีอิสระที่จะกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ เกี่ยวกับการแปลงสัญชาติได้
Citizenship : Passport
ความเป็นพลเมือง : หนังสือเดินทาง
เอกสารทางกฎหมายที่รัฐใดรัฐหนึ่งเป็นผู้ออกให้ ซึ่งจะมีการระบุถึงบุคคลและสัญชาติของบุคคลนั้นด้วย หนังสือเดินทางจะออกให้แก่พลเมืองซึ่งต้องการจะเดินทางไปยังต่างประเทศ ทำให้ผู้ถือมีสิทธิได้รับการคุ้มครองจากผู้แทนทางการทูตและผู้แทนทางกงสุลของประเทศตนด้วย ในหนังสือเดินทางจะมีข้อความขอร้องรัฐบาลต่างประเทศให้อนุญาตผู้ถือสามารถเดินทางเข้าไปหรือพักแรมอยู่ในเขตอำนาจตามกฎหมายของรัฐบาลต่างประเทศนั้น ๆ และให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองตามกฏหมายอีกด้วย หนังสือเดินทางทางการทูตจะออกให้แก่ผู้แทนทางการทูตของรัฐบาลต่างประเทศ ซึ่งก็จะมีข้อความระบุถึงสถานภาพทางการของนักการทูตผู้นั้น พร้อมกับขอให้ได้รับเอกสิทธิ์และการคุ้มครองทางการทูตตามความเหมาะสมด้วย
ความสำคัญ หนังสือเดินทางเป็นเอกสารการเดินทางและเป็นบัตรประจำตัว ที่ทำให้บุคคลผู้ถือสามารถอ้างขอความคุ้มครองจากรัฐบาลผู้ออกให้ได้ และเป็นหลักฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับสัญชาติของผู้ถือนั้นด้วย เพราะฉะนั้นหนังสือเดินทางจึงเป็นสิ่งจำเป็นไม่เฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่ต้องการของพวกที่เข้าประเทศอื่นอย่างผิดกฎหมายอีกด้วย หนังสือเดินทางปลอมมีราคาสูงมากในตลาดมืดหลายแห่งทั่วโลก ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยทั่ว ๆ ไปแล้วไม่ต้องใช้หนังสือเดินทางสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ เมื่อไม่นานมานี้มีบางประเทศได้ทำข้อตกลงพิเศษกำหนดให้ยกเลิกใช้หนังสือเดินทางระหว่างกัน ยกตัวอย่าง เช่น ข้อตกลงระหว่างชาติสมาชิกของประชาคมยุโรป (อียู)
เอกสารทางกฎหมายที่รัฐใดรัฐหนึ่งเป็นผู้ออกให้ ซึ่งจะมีการระบุถึงบุคคลและสัญชาติของบุคคลนั้นด้วย หนังสือเดินทางจะออกให้แก่พลเมืองซึ่งต้องการจะเดินทางไปยังต่างประเทศ ทำให้ผู้ถือมีสิทธิได้รับการคุ้มครองจากผู้แทนทางการทูตและผู้แทนทางกงสุลของประเทศตนด้วย ในหนังสือเดินทางจะมีข้อความขอร้องรัฐบาลต่างประเทศให้อนุญาตผู้ถือสามารถเดินทางเข้าไปหรือพักแรมอยู่ในเขตอำนาจตามกฎหมายของรัฐบาลต่างประเทศนั้น ๆ และให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองตามกฏหมายอีกด้วย หนังสือเดินทางทางการทูตจะออกให้แก่ผู้แทนทางการทูตของรัฐบาลต่างประเทศ ซึ่งก็จะมีข้อความระบุถึงสถานภาพทางการของนักการทูตผู้นั้น พร้อมกับขอให้ได้รับเอกสิทธิ์และการคุ้มครองทางการทูตตามความเหมาะสมด้วย
ความสำคัญ หนังสือเดินทางเป็นเอกสารการเดินทางและเป็นบัตรประจำตัว ที่ทำให้บุคคลผู้ถือสามารถอ้างขอความคุ้มครองจากรัฐบาลผู้ออกให้ได้ และเป็นหลักฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับสัญชาติของผู้ถือนั้นด้วย เพราะฉะนั้นหนังสือเดินทางจึงเป็นสิ่งจำเป็นไม่เฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่ต้องการของพวกที่เข้าประเทศอื่นอย่างผิดกฎหมายอีกด้วย หนังสือเดินทางปลอมมีราคาสูงมากในตลาดมืดหลายแห่งทั่วโลก ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยทั่ว ๆ ไปแล้วไม่ต้องใช้หนังสือเดินทางสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ เมื่อไม่นานมานี้มีบางประเทศได้ทำข้อตกลงพิเศษกำหนดให้ยกเลิกใช้หนังสือเดินทางระหว่างกัน ยกตัวอย่าง เช่น ข้อตกลงระหว่างชาติสมาชิกของประชาคมยุโรป (อียู)
Ctizenship : statelessness
ความเป็นพลเมือง : ความไร้สัญชาติ
สภาวะของบุคคลซึ่งไม่ได้รับการรับรองจากรัฐใด ๆ ให้เป็นบุคคลมีสัญชาติของรัฐตน ความไร้สัญชาติอาจเกิดจากการย้ายถิ่นฐานเนื่องจาก (1) เกิดสงครามหรือการปฏิวัติ (2) เกิดความขัดแย้งของกฎหมายสัญชาติ หรือ (3) รัฐบาลดำเนินการบางอย่างถอนสัญชาติพลเมืองของตน บุคคลที่ทิ้งสัญชาติเดิมโดยที่ยังไม่ได้สัญชาติใหม่ ก็จะมีผลให้เกิดสภาวะความไร้สัญชาติได้อีกเหมือนกัน
ความสำคัญ ความไร้สัญชาติ หมายถึง บุคคลผู้นั้นไม่สามารถเรียกร้องขอความคุ้มครองจากประเทศใด ๆ ได้ ในกรณีของผู้ลี้ภัยทางการเมืองนั้น บุคคลผู้นั้นอาจไม่มีสิทธิทางกฎหมายในประเทศที่ตนเข้าไปพำนักอยู่นั้น และไม่สามารถมีหนังสือเดินทางหรือได้วีซ่าที่จะใช้เดินทางเข้าไปในที่ใด ๆ ได้ ปัญหาระหว่างประเทศและปัญหาทางด้านมนุษยธรรมเกี่ยวกับความไร้สัญชาติและผู้ลี้ภัย อยู่ในความรับผิดชอบโดยเฉพาะของหน่วยงานระหว่างประเทศต่าง ๆ เช่น สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม คณะกรรมาธิการกฎหมายระหว่างประเทศ และสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย เมื่อปี ค.ศ. 1961 สมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้เปิดให้มีการลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยการลดความไร้สัญชาติซึ่งมีการระบุถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่ประเทศควรจะให้สัญชาติแก่บุคคล
สภาวะของบุคคลซึ่งไม่ได้รับการรับรองจากรัฐใด ๆ ให้เป็นบุคคลมีสัญชาติของรัฐตน ความไร้สัญชาติอาจเกิดจากการย้ายถิ่นฐานเนื่องจาก (1) เกิดสงครามหรือการปฏิวัติ (2) เกิดความขัดแย้งของกฎหมายสัญชาติ หรือ (3) รัฐบาลดำเนินการบางอย่างถอนสัญชาติพลเมืองของตน บุคคลที่ทิ้งสัญชาติเดิมโดยที่ยังไม่ได้สัญชาติใหม่ ก็จะมีผลให้เกิดสภาวะความไร้สัญชาติได้อีกเหมือนกัน
ความสำคัญ ความไร้สัญชาติ หมายถึง บุคคลผู้นั้นไม่สามารถเรียกร้องขอความคุ้มครองจากประเทศใด ๆ ได้ ในกรณีของผู้ลี้ภัยทางการเมืองนั้น บุคคลผู้นั้นอาจไม่มีสิทธิทางกฎหมายในประเทศที่ตนเข้าไปพำนักอยู่นั้น และไม่สามารถมีหนังสือเดินทางหรือได้วีซ่าที่จะใช้เดินทางเข้าไปในที่ใด ๆ ได้ ปัญหาระหว่างประเทศและปัญหาทางด้านมนุษยธรรมเกี่ยวกับความไร้สัญชาติและผู้ลี้ภัย อยู่ในความรับผิดชอบโดยเฉพาะของหน่วยงานระหว่างประเทศต่าง ๆ เช่น สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม คณะกรรมาธิการกฎหมายระหว่างประเทศ และสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย เมื่อปี ค.ศ. 1961 สมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้เปิดให้มีการลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยการลดความไร้สัญชาติซึ่งมีการระบุถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่ประเทศควรจะให้สัญชาติแก่บุคคล
Citizenship : Visa
ความเป็นพลเมือง : การตรวจลงตรา (วีซ่า)
การสลักข้อความลงในหนังสือเดินทางโดยเจ้าหน้าที่ของประเทศที่จะเดินทางเข้าไปให้สามารถเข้าสู่รัฐนั้นได้ การตรวจลงตราจะระบุถึงการให้การรับรองเอกลักษณ์และสัญชาติของบุคคล ตลอดจนให้ความเห็นชอบในเหตุผลของการเข้าไปในรัฐนั้น
ความสำคัญ หลายรัฐบาลมีข้อกำหนดให้ชาวต่างประเทศต้องตรวจลงตรา (วีซ่า) เสียก่อนจึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศได้ ในแนวทางปฏิบัติของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ชาวต่างประเทศที่ต้องการเดินทางเข้าไปในสหรัฐอเมริกาจะต้องนำหนังสือเดินทางที่ยังไม่ขาดอายุไปมอบให้เจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐฯ ที่ประจำอยู่ ณ ประเทศนั้น ๆ สถานกงสุลก็จะใช้ดุลพินิจเป็นครั้งสุดท้ายให้ “นอนอิมมิแกรนท์วีซ่า” แก่นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว นักศึกษาและผู้ไปเยือนอื่น ๆ ก่อนที่จะให้ อิมมิแกรนท์วีซ่าแก่คนต่างด้าวที่ต้องการเข้าไปตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกาสถานกงสุลก็จะต้องพิจารณาว่า โควตาประจำปีสำหรับคนต่างด้าวประเทศนั้น ๆ เต็มแล้วหรือยัง และบุคคลผู้นั้นมีคุณสมบัติอื่นครบถ้วนตามที่กำหนดหรือไม่ ทั่วโลกในช่วงเวลานี้มีแนวโน้มไปในทางที่จะขจัดเงื่อนไขการเข้าประเทศด้วยการตรวจลงตรา (วีซ่า) นี้
การสลักข้อความลงในหนังสือเดินทางโดยเจ้าหน้าที่ของประเทศที่จะเดินทางเข้าไปให้สามารถเข้าสู่รัฐนั้นได้ การตรวจลงตราจะระบุถึงการให้การรับรองเอกลักษณ์และสัญชาติของบุคคล ตลอดจนให้ความเห็นชอบในเหตุผลของการเข้าไปในรัฐนั้น
ความสำคัญ หลายรัฐบาลมีข้อกำหนดให้ชาวต่างประเทศต้องตรวจลงตรา (วีซ่า) เสียก่อนจึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศได้ ในแนวทางปฏิบัติของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ชาวต่างประเทศที่ต้องการเดินทางเข้าไปในสหรัฐอเมริกาจะต้องนำหนังสือเดินทางที่ยังไม่ขาดอายุไปมอบให้เจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐฯ ที่ประจำอยู่ ณ ประเทศนั้น ๆ สถานกงสุลก็จะใช้ดุลพินิจเป็นครั้งสุดท้ายให้ “นอนอิมมิแกรนท์วีซ่า” แก่นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว นักศึกษาและผู้ไปเยือนอื่น ๆ ก่อนที่จะให้ อิมมิแกรนท์วีซ่าแก่คนต่างด้าวที่ต้องการเข้าไปตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกาสถานกงสุลก็จะต้องพิจารณาว่า โควตาประจำปีสำหรับคนต่างด้าวประเทศนั้น ๆ เต็มแล้วหรือยัง และบุคคลผู้นั้นมีคุณสมบัติอื่นครบถ้วนตามที่กำหนดหรือไม่ ทั่วโลกในช่วงเวลานี้มีแนวโน้มไปในทางที่จะขจัดเงื่อนไขการเข้าประเทศด้วยการตรวจลงตรา (วีซ่า) นี้
Contract Debt : Calvo Clause
หนี้ตามสัญญา : ข้อกำหนดคาลโว
ข้อกำหนดที่บางครั้งรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ในแถบละตินอเมริกาจะใส่ลงไปในสัญญาของภาครัฐบาลที่ทำกับคนต่างด้าว ข้อกำหนดคาลโวมีความว่า ในกรณีที่เกิดข้อขัดแย้งภายใต้สัญญาใด ๆ ก็ให้ภาคีที่เป็นคนต่างด้าวหาทางแก้ไขกันในท้องถิ่น จะต้องไม่ใช้วิธีร้องขอให้รัฐบาลของตนเข้ามาแทรกแซงทางการทูตในนามของตน ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ และคณะกรรมาธิการข้อเรียกร้องผสมมีความเห็นที่แตกต่างกัน ในกรณีที่ว่าภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศนั้นการใส่ข้อกำหนดคาลโวนี้ในสัญญาจะป้องกันมิให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการขัดแย้งได้หรือไม่ ข้อกำหนดคาลโวนี้ตั้งตามชื่อของคาร์ลอส คาลโว นักกฎหมายชาวอาร์เจนตินา ซึ่งได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้มาก
ความสำคัญ ผู้ให้การสนับสนุนข้อกำหนดคาลโว บอกว่า คนต่างด้าวไม่ควรเรียกร้องให้รัฐบาลตนปฏิบัติต่อตนดีไปกว่าที่คนในสัญชาติได้รับกัน และการที่รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงในเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นการละเมิดหลักความเท่าเทียมกันทางด้านอำนาจอธิปไตยของรัฐ ส่วนฝ่ายที่โต้แย้งข้อกำหนดคาลโว ก็เห็นว่า ถึงแม้ว่าเอกชนจะเป็นผู้ลงนามในสัญญาก็จริง แต่การกระทำดังกล่าวมิได้ขัดขวางรัฐบาลของบุคคลนั้นให้มารับผิดชอบกับบุคคลผู้นั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้โดยกฎหมายระหว่างประเทศ
ข้อกำหนดที่บางครั้งรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ในแถบละตินอเมริกาจะใส่ลงไปในสัญญาของภาครัฐบาลที่ทำกับคนต่างด้าว ข้อกำหนดคาลโวมีความว่า ในกรณีที่เกิดข้อขัดแย้งภายใต้สัญญาใด ๆ ก็ให้ภาคีที่เป็นคนต่างด้าวหาทางแก้ไขกันในท้องถิ่น จะต้องไม่ใช้วิธีร้องขอให้รัฐบาลของตนเข้ามาแทรกแซงทางการทูตในนามของตน ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ และคณะกรรมาธิการข้อเรียกร้องผสมมีความเห็นที่แตกต่างกัน ในกรณีที่ว่าภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศนั้นการใส่ข้อกำหนดคาลโวนี้ในสัญญาจะป้องกันมิให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการขัดแย้งได้หรือไม่ ข้อกำหนดคาลโวนี้ตั้งตามชื่อของคาร์ลอส คาลโว นักกฎหมายชาวอาร์เจนตินา ซึ่งได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้มาก
ความสำคัญ ผู้ให้การสนับสนุนข้อกำหนดคาลโว บอกว่า คนต่างด้าวไม่ควรเรียกร้องให้รัฐบาลตนปฏิบัติต่อตนดีไปกว่าที่คนในสัญชาติได้รับกัน และการที่รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงในเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นการละเมิดหลักความเท่าเทียมกันทางด้านอำนาจอธิปไตยของรัฐ ส่วนฝ่ายที่โต้แย้งข้อกำหนดคาลโว ก็เห็นว่า ถึงแม้ว่าเอกชนจะเป็นผู้ลงนามในสัญญาก็จริง แต่การกระทำดังกล่าวมิได้ขัดขวางรัฐบาลของบุคคลนั้นให้มารับผิดชอบกับบุคคลผู้นั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้โดยกฎหมายระหว่างประเทศ
Subscribe to:
Posts (Atom)